วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ชีววิทยา

มิวเทชัน
คำถามนำ
     มิวเทชันหมายถึงอะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และมิวเทชัน มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไร

                   เมื่อสังเกตสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งๆ นักเรียนจะพบว่าลูกหลานมีลักษณะที่ไม่เหมือนกันทีเดียว มีบางลักษณะที่แตกต่างกันไปบ้าง และสามารถถ่ายทอดลักษณะนั้นๆ ไปยังลูกหลานรุ่นต่อๆไปได้ จึงอาจเป็นไปได้ว่ายีนหรือ DNA มีการเปลี่ยนแปลง นักพันธุศาสตร์เรียกการเปลี่ยนแปลงลำดับและจำนวนของเบสใน DNA และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับโครโมโซมที่มีผลทำให้ลักษณะหรือฟีโนไทป์ของสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนไป และสามารถถ่ายทอดลักษณะไปยังรุ่นต่อๆไปได้นี้ว่า การกลายหรือ มิวเทชัน (mutation)
                  โรคโลหิตจากชนิดซิกเคิลเซลล์ เป็นตัวอย่างของโรคพันธุกรรมที่มีผลมาจากการเกิดมาเทชัน โดยปกติ DNA โมเลกุลใหม่ที่มีลำดับการเรียงตัวของเบสและจำนวนของเบสเหมือน DNA โมเลกุลเดิมทุกประการ แต่ในบางครั้งการจำลองตัวเองของ DNA จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้หลายลักษณะ เช่น เบสเปลี่ยนจากชนิดเดิมเป็นเบสชนิดอื่น นิวคลีโอไทด์ขาดหายไป นิวคลีโอไทด์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น หรือลำดับของนิวคลีโอไทด์เปลี่ยนไป เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็น มิวเทชันเฉพาะที่ (point mutation) ดังภาพที่ 17-23 มีผลทำให้รหัสพันธุกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม ลำดับและชนิดของกรดอะมิโนหลังจากตำแหน่งนี้ไปจะเปลี่ยนไปด้วย สมบัติของโปรตีนหรือพอลิเพปไทด์ที่สังเคราะห์ขึ้นจึงแตกต่างไปจากเดิม
                                     
                                                                                                   ภาพที่ 17-23 การเกิดมิวเทชันเฉพาะที่
                       -  จากภาพที่ 17-23 การเปลี่ยนแปลงของเบสใน DNA เป็นอย่างไร
                       -  การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ DNA อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรหัสพันธุกรรม และการสังเคราะห์โปรตีนอย่างไร
                         การเกิดเฉพาะที่ในบริเวณ DNA ที่เป็นตำแหน่งของยีน สามารถจัดได้ 2 ประเภท คือ
            1. การแทนที่คู่เบส (base-pair substritution) การเกิดมิวเทชันในลักษณะเช่นนี้ อาจมีผลต่อการแสดงของลักษณะทางพันธุกรรมหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากโคดอนหลายชนิดเป็นรหัสของกรดอะมิโนชนิดเดียวกันได้ เช่น CUU CUC CUA และ CUG หากมีการเกิดมิวเทชันเฉพาะที่ที่มีการเปลี่ยน รหัสCUC ซึ่งเป็นรหัสของลิวซีน ให้กลายเป็น CUG การเกิดมิเทชันดังกล่าวย่อยไม่มีผลต่อลักษณะของสิ่งมีชีวิตนั้น เพราะยังมีการสร้างสายพอลิเพปไทด์ที่มีลำดับกรดอะมิโนเช่นเดิม
                   -  ถ้า mRNA ที่มีลำดับเบสเป็น CUU UCU ACA AAA เกิดมิวเทชันเฉพาะที่เป็น UUU UCU ACA AAA จะมีผลอย่างไรในระดับพอลิเพปไทด์และลักษณะของสิ่งมีชีวิต
                    การเกิดมิวเทชันเฉพาะที่แบการแทนที่คู่เบส เมื่อเกิดการแทนที่ของคู่เบสแล้ว มีผลทำให้รหัสพันธุกรรมเปลี่ยนไปเป็นรหัสพันธุกรรมของกรดอะมิโนต่างชนิดกัน ก็จะทำให้ได้สายพอลิเพปไทด์ที่มีลำดับของกรดอะมิ-โนแตกต่างไป การเปลี่ยนแปลงของลำดับกรดอะมิโนที่เกิดขึ้นนี้ หากบริเวณดังกล่าวมีความสำคัญต่อการเกิดรูปร่างของโปรตีน หรือมีความจำเพาะต่อการทำงานของโปรตีนชนิดนั้น ย่อมมีผลต่อฟีโนไทป์ของสิ่งมีชีวิตนั้น ตัวอย่างเช่น สาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคโลหิตจากแบบซิกเคิลเซลล์ที่กล่าวขึ้นข้างต้น มีการเกิดมิวเทชันเฉพาะที่ที่โคดอนที่เป็นรหัสพันุกรรมของกรดอะมิโนตำแหน่งที่ 6 ของสายบิตาสายหนึ่งของฮีโมโกลบิน ดังภาพที่ 17-24


ภาพที่ 17-24 การเกิดมิวเทชันเฉพาะที่แบบการแทนที่ของคู่เบส

                      อย่างไรก็ดี หากการเกิดการแทนที่ของ๕เบสในบริเวณโคดอนที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริเวณที่จำเพาะต่อโปรตีนชนิดนั้น หรือเมื่อมีการแทนที่กรดอะมิโนชนิดใหม่ มีสมบัติใกล้เคียงกับชนิดเดิมก็อาจไม่มีผลต่อการทำงานของโปรตีนนั้น
                    -  นักเรียนคิดว่าการเกิดมิวเทชันแบบการแทนที่ของคู่เบสทำให้เกิดผลเสียเสมอไปหรือไม่ เพราะเหตุใด
                       การเกิดมิวเทชันแบบการแทนที่ของคู่เบสอาจจะทำให้การสร้างสายพอลิเพปไทด์สั้นลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการแทนที่ของคู่เบส แล้วได้เป็นรหัสหยุดของการแปลรหัส ซึ่งการเกิดมิวเทชันในกรณีแทบทุกกรณีจะได้โปรตีนที่ไม่สามารถทำงานได้
                 2.  การเพิ่มขึ้นของนิวคลีโอไทด์ (insertion) หรือการขาดหายไปของนิวคลีโอไทด์ (deletion) การเกิดมิวเทชันนี้เป็นการที่มีการเพิ่มขึ้นของคู่นิวคลีโอไทด์ หรือการขาดหายไปของคู่นิวคลีโอไทด์ในบางตำแหน่งของยีน การเกิดมิวเทชันในลักษณะนี้ 1-2 นิวคลีโอไทด์มักมีการเปลี่ยนแปลงในหารทำงานของพอลิ-เพปไทด์อย่างชัดเจนเนื่องจากการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของนิวคลีโอไทด์ในบริเวณที่เป็นโคดอน 1-2 นิวคลีดอไทด์ จะมีผลทำให้ลำดับกรดอะมิโนตั้งแต่ตำแหน่งที่มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของโคดอนเปลี่ยนไปทั้งหมด เรียกการเกิดมิว-เทชันเช่นนี้ว่า เฟรมชิฟท์ มิวเทชัน (frameshift mutation) ดังภาพที่ 17-25
ภาพที่ 17-25 การเกิดเฟรมชิฟท์ มิวเทชัน 
                              -  ถ้าการเกิดเพิ่มขึ้น หรือขาดหายไปบริเวณที่เป็นโคดอน 3 นิวคลีโอไทด์ จะเกิดความผิดปกติอย่างไร
                     ปัญหาที่น่าสนใจต่อไปก็คือมิวเทชันที่ทำให้เกิดลักษณะนี้สามารถถ่ายทอดต่อไปได้หรือไม่ และอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมิวเทชัน จากการศึกษาพบว่ามิวเทชันเกิดขึ้นได้ทั้งในเซลล์ร่างกาย และเซลล์สืบพันธุ์ ซึ่งจะถ่ายทอดลักษณะต่อไปหรือไม่ก็ได้ ถ้ามิวเทชันเกิดขึ้นที่เซลล์สืบพันธุ์ ยีนที่เกิดมิวเทชันจะสามารถส่งต่อไปยังลูกหลานได้โดยตรง แต่หากเกิดกับเซลล์ร่างกายก็ขึ้นอยู่กับเซลล์ร่างกายนั้นจะมีการพัฒนาให้เกิดการสืบพันธุ์ได้หรือไม่ เช่น ในกรณีของพืชหากเกิดการมิวเทชันที่เซลล์เนื้อเยื่อบริเวณตาข้าง ซึ่งเป็นเซลล์ร่างกายก็จะทำให้กิ่งที่เจริญขึ้นมาใหม่มีลักษณะต่างไปจากเดิม ถ้านำกิ่งนั้นไปปักชำหรือขยายพันธุ์ ก็จะได้พืชที่มีลักษณะพันธุกรรมต่างไปจากเดิมและหากมีการสร้างดอกหรือติดผลได ลักษณะดังกล่าวก็จะสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกหลานได้ แต่หากเกิดกับเซลล์รากโอกาสที่จะถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อไปจะลดลง
                   มิวเทชันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเกิดขึ้นในอัตราต่ำมากแต่มิวเทชันเกิดจากการชักนำโดยมนุษย์ซึ่งทำให้เกิดมิวเทชันในอัตราสูง สิ่งที่สามารถกระตุ้นหรือชักนำให้เกิดมิวเทชัน เรียกว่า สิ่งก่อกลายพันธุ์หรือ มิวทาเจน (mutagen) เช่น รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา รังสีอัลตราไวโอเลต และสารเคมี เช่น ควันบุหรี่ สารที่สร้างจากราที่ปนเปื้อนในอาหาร อะฟลาทอกวิน ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งก่อกลายพันธุ์ก่อให้เกิดมะเร็งได้ เนื่องจากมิวเทชันที่เกิดกับเซลล์ร่างกาย แล้วทำให้เกิดการแบ่งเซลล์ผิดปกติ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดมะเร็งดังนั้นมิวทาเจนหลายชนิดจึงเป็น สารก่อมะเร็ง (cacinogen)
                     ปัจจุบันการชักนำให้เกิดมิวเทชันเฉพาะที่ ถูกนำไปใช้ประโยชนืในการศึกษาพัฒนาของวิ่งมีชีวิตหลายชนิด เช่น ยีสต์ แมลงหวี่ หนอนตัวกลม และอะราบิดอพซิส (Arabidopsis sp.) ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่งในวงศ์ผักกาด เพราะการทำให้เกิดมิวเทชันเฉพาะที่เป็นการยับยั้งการทำงานของโปรตีนบางชนิด การสังเกตผลของการขาดการทำงานของโปรตีนนั้นๆ จะทำให้สามารถวิเคราะหืถึงบทบาทหน้าที่ของโปรตีนชนิกนั้นๆได้

รู้รึเปล่า ?
          อะราบิดอพซิส Arabidopsis thaliana L. เป็นพืชที่นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ตกลงกันให้เป็นพืชต้นแบบในการจัดทำแผนที่พันธุกรรมและหาลำดับเบสสำเร็จเป็นครั้งแรก เนื่องจากเป็นพืชที่มีลักษณะเหมาะสมในการศึกษา คือ เป็นพืชดอกขนาดเล็ก เจริญเติบโตเร็ว วัฏจักรชีวิตสั้น มีขนาดจีโนมประมาณ 120 ล้านคู่เบส ซึ่งการศึกษาต่อไปจะตรวจสอบหน้าที่ของโปรตีนแต่ละชนิดเพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปเป็นพื้นฐานในการศึกษาและปรับปรุงพืชพันธุ์ชนิดอื่นให้มีลักษณะตามที่ต้องการได้ต่อไป
 
Arabidopsis thaliana
 L.

                      -  เราสามารถสังเกตมิวเทชันที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ได้หรือไม่
                     หากการเกิดมิวเทชันเป็นแบบการเกิดเฉพาะที่ ย่อมจะเป็นการยากที่จะสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของยีน โดยใช้กล้องจุลทรรศน์และสีย้อมโครโมโซม แต่หากมิวเทชันที่เกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในระดับโครโมโซมก็จะสังเกตได้ง่ายขึ้น
                     สิ่งก่อกลายพันธุ์ทั้งที่เป็นรังสีและสารเคมี รวมทั้งความผิดพลาดที่เกิดขณะมีการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส สามารถทำให้เกิดมิวเทชันในระดับโครโมโซมได้ ดังตัวอย่างของโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของโครโมโซม ต่อไปนี้
ภาพที่ 17-26 กลุ่มอาการคริดูซาต์ เอื้อเฟื้อภาพโดย นพ. วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย            -  จากคารีโอไทด์ของกลุ่มอาการคริดูซาต์ โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ใดและจำนวนโครโมโซมเปลี่ยนแปลงหรือไม่
                          -  การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซมมีผลต่อจำนวนของยีนอย่างไร
รู้รึเปล่า ?
     ตัวอย่างของโรคพันธุกรรมที่เกิดจากการมิวเทชันระดับยีน
ผิวเผือก : ผิวขาว ผมขาว ม่านตาสีเทา
ธารัสซีเมีย : โลหิตจาง
เฟนิลคีโตนยูเรีย : สมองเสื่อม สติปัญญาต่ำ
เอคอนโดพลาเซีย : เตี้ยแคระ แขนขาสั้น
กล้าเนื้อพิการแบบดูเชนน์ : กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง

                     จะเห็นได้ว่ากลุ่มอาการคริดูชาต์ (criduchat) เป็นโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซม มีความผิดปกติที่เกิดกับส่วนของแขนสั้นของโครโมโซมคู่ที่ 5 ขาดหายไป พบประมาณ 1 ต่อ 50,000 ของเด็กแรกเกิด พบในเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย ในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 มีลักษณะผิดปกติ คือ ศีรษะเล็ก ใบหน้ากลม ตาเล็กอยู่ห่างกัน และเฉียง ดั้งจมูกแบน ใบหูอยู่ต่ำกว่าปกติ เส้นสายเสียง (vocal cord) ผิดปกติ ทำให้เสียงเล็กแหลมคล้ายเสียงร้องของแมว ปัญญาอ่อน อาจมีชีวิตอยู่ได้จนถึงเป็นผู้ใหญ่
                     มิวเทชันระดับโครงสร้างของโครโมโซมเป็นความผิดปกติจากการหักของโครโมโซม อาจจะเป็นส่วนปลายหรือส่วนกลางของแท่งโครโมโซมก็ได้ ส่วนปลายที่หักจะเหนียวอาจต่อกับตำแหน่งเดิมทำให้โครโมโซมนั้นปกติ หรือไม่มีการต่อกับโครโมโซมเดิม ชิ้นส่วนโครโมโซมที่หักนั้นเกิดขึ้นได้หลายลักษณะ ดังแสดงในภาพที่ 17-27
ภาพที่ 17-27 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซม 
                  -  กลุ่มอาการคริดูชาต์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซมเป็นแบบใด
                  -  จากความผิดปกติของโครงสร้างโครโมโซมจะมีผลต่อยีนที่อยู่บนโครโมโซมอย่างไรบ้าง
                  การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซมเกิดขึ้นทั้งที่จำนวนโครโมโซมยังมีเท่าเดิม แต่ส่วนของโครโมโซมจะเปลี่ยนไปคือมีส่วนของโครโมโซมลดลงหรือเพิ่มขึ้น หรือมีการเรียงตัวของนิวคลีโอไทด์สลับตำแหน่งกันหรือเปลี่ยนที่ไปจากเดิม มีผลทำให้ลักษณะของสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป
                  นักเรียนทราบหรือไม่ว่า ถ้าจำนวนของโครโมโซมเปลี่ยนแปลง จะทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นมีความผิดปกติที่ต่างไปจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อโครงสร้างเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร
                                         
 ภาพที่ 17-28 กลุ่มอาการดาวน์ เอื้อเฟื้อภาพโดย นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
                     -  จากคารีโอไทด์ของกลุ่มอาการดาน์โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ใด เกิดกับโครโมโซมชนิดใด และโครโมโซมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
                   กลุ่มอาการดาวน์ (Down syndrome) เกิดจากจำนวนโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง เป็น 47 โครโมโซม มีลักษณะที่ผิดปกติ คือรูปร่างเตี้ย ตาห่าง หางตาชี้ขึ้น ลิ้นโตคับปาก คอสั้นกว้าง นิ้วมือนิ้วเท้าสั้น ลายน้ำมือผิดปกติ ปัญญาอ่อน จากสถิติพบว่าแม่ที่มีอายุ 45 ปี มีโอกาสเสี่ยงในการมีบุตรที่เป็นโรคนี้มากกว่าแม่ที่มีอายุ 20 ปี ประมาณ 50-60 เท่า
                   การเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซมมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสผิดปกติ โดยฮอมอโลกัสโครโมโซมจะไม่แยกออกจากกันในระยะแอนาเฟสของไมโอซิส I หรือไมโอซิส II โครโมโซมจึงเคลื่อนย้ายไปยังขั้วเดียวกันของเซลล์ เรียกกระบวนการนี้ว่า นอนดิสจังชัน(non-disjunction)ดังภาพที่ 17-29 เซลล์สืบพันธุ์จึงมีจำนวนโครโมโซมขาดหรือเกินมาจากจำนวนปกติ เมื่อเซลล์สืบพันธุ์ที่ผิดปกตินี้ปฏิสนธิกัเซลล์สืบพันธุ์ที่ปกติจากพ่อหรือแม่ ก็จะได้ไซโกตที่มีจำนวนโครโมโซมผิดปกติ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเอ็มบริโอในลักษณะต่างๆกัน
ภาพที่ 17-29 การเกิดนอนดิสจังชันของออโทโซมเมื่อแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 
                      -  จากภาพที่ 17-29 จำนวนโครโมโซมเพศขาดหรือเกินจากปกติได้อย่างไร
                     -  ถ้าพ่อสร้างเสปิร์มที่มีโครโมโซม XY ผสมกับเซลล์ไข่ที่มีโครโมโซม X ลูกจะมีโครโมโซมเพศเป็นอย่างไร และเกิดเป็นเพศใด
                      การเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซมเกิดขึ้นได้ 2 แบบ คือ จำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง พบได้ทั้งออโทโซมและโครโมโซมเพศ ตัวอย่างของโรคพันธุกรรมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซม ดังตารางที่ 17.6

ตารางที่ 17.6 กลุ่มอาการ (syndrome) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซมในคน
ชื่อกลุ่มอาการของโรคพันธุกรรม
ความผิดปกติที่เกิดกับโครโมโซม
ลักษณะของโรคพันธุกรรม
กลุ่มอาการ trisomy 13 หรือ พาทัว ซินโดรม (Patau syndrome)

ออโทโซม
47,+13
ปากแหว่ง เพดานโหว่ ตาเล็ก หูหนวก ใบหูต่ำ นิ้วมือนิ้วเท้ามักเกิน หัวใจและไตผิดปกติ สมองพิการ ปัญญาอ่อน ทารกตายหลังจากคลอดไม่กี่เดือนพบประมาณ 1/5,000ของทารกแรกคลอด
กลุ่มอาการ trisomy 18 หรือ เอ็ดเวิร์ด ซินโดรม (Eawards syndrome)

ออโทโซม
47,+18
มือกำ ท้ายทอยโหนก ใบหูผิดรูปเกาะต่ำ
กลุ่มอาการ เทอร์เนอร์ ซินโดรม(Turner syndrpme)

โครโมโซมเพศ
45,X
เป็นเพศหญิง รูปร่างเตี้ย คอสั้น หน้าแก่ มีแผ่นหนังคล้ายปีกจากต้นคอลงมาจรกหัวไหล่ เป็นหมัน พบประมาณ 1/5,000 ของทารกแรกคลอด
เอกซ์วายวาย ซินโดรม (XXY syndrome)
โครโมโซมเพศ
47,XYY
เป็นเพศชายรูปร่างสูงกว่าปกติ ไม่เป็นหมัน พบประมาณ 1/ 10,000 ของทารกแรกคลอด
ไคลน์เฟลเทอร์ ซินโดรม(Klinefelter syndrome)
โครโมโซมเพศ
47,XXY
48,XXXY
49,XXXXY
เป็นเพศชาย แขนขายาว สูงกว่าเพศชายปกติ หน้าอกใหญ่คล้ายเพศหญิง สะโพกผาย มักเป็นหมัน พบประมาณ1/500 ของทารกแรกคลอด

รู้รึเปล่า ?
     พอลิพลอยด์ในพืชเกิดได้ 2 แบบ คือ ออโตพอลิพลอยด์(autopolyploid) หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนดครโมโซมเหมือนกับพันธุ์พ่อแม่ เช่น ออโตทริพลอยด์ มีดครโมโซมเป็น AAA.และอัลโลพอลิพลอยด์ (allopolyploid) หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนชุดโครโมโซมต่างจากสปีชีส์กันส่วนใหญ่เกิดการเพิ่มจำนวนชุดเป็น 2 เท่า มีโครโมโซมเป็น AABB พืชที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์เพื่อการใช้ประโยชน์บางชนิด เป็นพืชที่เป็น อัลโลพอลิพลอยด์ เพราะมีลักษณะของสปีชีส์ต่างๆที่ต้องการ เช่นTriticale sp.

                    การเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซมเป็นชุดจากจำนวนดิพลอยด์ สิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนโครโมโซมมากกว่า 2 ชุด เรียกว่า พอลิพลอยด์(polyploidy) ส่วนใหญ่เกิดจากการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสผิดปกติจากปรากฏการณ์นอดิสจังชัน ทำให้เซลล์สืบพันธุ์มีโครโมโซม 2 ชุด หรือดิพลอยด์ พอลิพลอยด์พบได้ทั้งในพืชและสัตว์ ส่วนใหญ่พบในพืช ทำให้พืชมีขนาดใหญ่กว่าพวกดิพลอยด์ เช่น ขนาดของดอกหรือผล นอกจากนี้ยังมีผลผลิตหรือมีการสร้างสารบางอย่างเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวโพดพันธุ์ 4n มีวิตามินสูงกว่าพันธุ์ 2n ยาสูบพันธุ์ 4n มีสารนิโคตินสูงกว่าพันธุ์ 2n เป็นต้น พืชที่เป็นพอลิพลอยด์เลขคู่ ได้แก่ 4n 6n 8n สามารถสืบพันธุ์และถ่ายทอดพันธุกรรมต่อไปได้ แต่พืชที่เป็นพอลิพลอยด์เลขคี่ ได้แก่ 3n 5n 7n มักเป็นหมัน จึงนำมาใช้ประโยชน์ในการผสมสายพันธุ์เพื่อให้ได้พืชที่ไม่มีเมล็ด เช่น แตงโม องุ่น เป็นต้น

                            -  เพราะเหตุใดพืชที่เป็นพอลิพลอยด์เลขคี่จึงมักเป็นหมัน

                     พอลิพลอยด์ในสัตว์พบน้อยกว่าในพืช สำหรับการเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซมในคน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นหรือลดลงเป็นจำนวนแท่ง ทำให้อายุสั้น พิการทางร่างกายหรือสมอง ส่วนพอลิพลอยด์จะพบได้น้อยเพราะมีผลกระทบที่รุนแรงทำให้เอ็มบริโอเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา

                           -  การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับยีนและโครโมโซม เกี่ยวข้องกับการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตอย่างไร

                   อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและจำนวนของโครโมโซมจำเป็นต้องอยู่ในขอบเขตที่จำกัด จึงจะทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นอยู่รอดได้ ถ้าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากเกินไปก็จะทำให้สิ่งมีชีวิตถึงตายได้ บางครั้งการเรียงตัวแบบใหม่ อาจทำให้การดำรงชีวิตดีกว่าเรียงตัวของยีนแบบเดิม และสามารถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อๆไปได้ มีผลทำให้เกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ ความผิดปกติของโครโมโซมบางครั้งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะเกิดผลเสียแต่ก็ไม้ทำให้ถึงตาย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโครโมโซมและ DNA จึงมีผลทำให้ลักษณะของสิ่งมีชีวิตแตกต่างกันไป แต่หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทาพันธุกรรมและให้เป็นผลลบ เช่น การเกิดโรคทางพันธุกรรมกับมนุษย์จะสร้างปัญหาทางด้านจิตใจ เศรษฐกิจ และสังคมเป็นอย่างมาก
                   อย่างไรก็ดีความหลากหลายของยีนที่เกิดจากมิวเทชันทำให้เกิดการแปรผันทางพันธุกรรม จึงทำให้ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลง เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆอย่างหลากหลาย ซึ่งเป็นต้นเหตุ ที่นำไปสู่การเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่อไปในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น